Project : วัยรุ่นไทย กับมารยาทการไหว้ในยุค 4.0

ทุกวันนี้ประเทศเราพัฒนาที่อยู่ใน ยุค Thailand 4.0 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมนั่นเอง ซึ่งสำหรับ Thailand 4.0 แล้ว การเปลี่ยนแปลงย่อมมีให้เห็น และวันนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวของเราทุกคนแน่นอนนั้นก็คือเรื่องวัยรุ่นเด็กไทยปัจจุบัน ในยุค 4.0 ค่ะ เด็กวัยรุ่นเหล่านี้ เติบโตมาในยุคเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงไปมาก การพัฒนาในยุค 4.0 ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เมื่อมีสิ่งใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ กระบวนการใหม่ๆเกิดขึ้น การหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตกหรือวัฒนธรรมสมัยใหม่ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่เรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อน ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้และรับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างง่ายดาย  ส่วนที่สำคัญนั้นก็คือ ความเจริญทางเทคโนโลยีที่เข้ามา เช่น การพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และโซเชียล นับเป็นสื่ออันสำคัญที่ทำให้ วัยรุ่นได้รับข่าวสารเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ จึงเป็นส่วนทำให้เด็กไทยหลงลืมวัฒนธรรมที่อยู่ใกล้ตัวเรา นั้นก็คือเรื่องของ การไหว้ ค่ะ
ประเทศไทยได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่มี ประเพณีวัฒนธรรม โดยเฉพาะ การไหว้  อันแสนงดงามคนไทยทั้งประเทศภูมิใจ ทว่าในทางตรงข้ามก็จังหวะเดียวกันที่กระแสของวัฒนธรรมต่างชาติเองก็ไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย สิ่งเหล่านี้ค่ะ ย่อมทำให้เยาวชนไทยรุ่นใหม่เองก็หลงใหลได้ปลื้มอยู่ไม่น้อย จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจอยู่ลึกๆ ด้วยเกรงว่า "วัฒนธรรมไทย" ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษจะค่อยๆ เลือนหายไป
สิ่งเหล่านี้ จึงเป็นสาเหตุที่ดิฉันเขียนบทความ เพื่อต้องการให้เด็กวัยรุ่นไทยตระหนักถึงความสำคัญของการไหว้  รู้วิธีการไหว้ที่ถูกต้อง และช่วยสืบทอดการไหว้ของไทย อันเป็นเอกลักษณ์ของเราไม่เลือนหายไปไหนค่ะ 

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อน ว่าทำไมเราถึงต้องไหว้

เพราะการไหว้ นั้นเป็นวัฒนธรรมการไหว้เป็นวิถี ชีวิต ที่เราถูกปลูกฝังให้รู้จักกาลเทศะตั้งแต่เด็ก ให้รู้จักการเคารพผู้อาวุโส การมีมารยาทในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องการเคารพผู้อาวุโส ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน การแสดงความเคารพในโอกาสต่าง ๆ และการไหว้ เริ่มไหว้ไม่ถูกต้อง ถูกลบเลือนไหว้ไม่ถูกระดับบ้าง ที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นวัฒนธรรมที่งดงาม รวมทั้งเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย การไหว้ที่ถูกต้องโดยแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก  กำลังสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป ดังนั้นเรามาดูวิธีการไหว้ที่ถูกต้องกันค่ะ 


วิธีการไหว้ที่ถูกต้อง

สมบัติ ภาคญาติ (ครูสอนมารยาทไทย) โรงเรียนเจริญผลวิทยา ได้มาสอนวิธีการไหว้ที่ต้องให้เราได้ทราบกันค่ะ อย่างแรกก็คือ การประนมมือ (อัญชลี) เป็น การแสดงความเคารพ โดยการประนมมือให้นิ้วมือทั้งสองข้างชิดกัน ฝ่ามือทั้งสองประกบเสมอกันแนบหว่างอก ปลายนิ้วเฉียงขึ้นพอประมาณ แขนแนบตัวไม่กางศอก ทั้งชายและหญิงปฏิบัติเหมือนกัน การประนมมือนี้ ใช้ในการสวดมนต์ ฟังพระสวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา ขณะสนทนากับพระสงฆ์ รับพรจากผู้ใหญ่ แสดงความเคารพผู้เสมอกัน และรับความเคารพจากผู้อ่อนอาวุโสกว่า เป็นต้น
ต่อมา การไหว้ (วันทนา) เป็นการแสดงความเคารพ โดยการประนมมือ แล้วยกมือทั้งสองขึ้นจรดใบหน้าให้เห็นว่า เป็นการแสดงความเคารพอย่างสูง การไหว้แบบไทย แบ่งออกเป็น 3 แบบ ตามระดับของบุคคล เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าการไหว้ 3 ระดับนี้มีอะไรบ้าง


ระดับที่ 1 การไหว้พระค่ะ ได้แก่ การไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทั้งปูชนียวัตถุ ปูชนียสถาน ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในกรณีที่ไม่สามารถกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ โดยประนมมือแล้วยกขึ้น พร้อมกับค้อมศีรษะลง ให้หัวแม่มือจรดระหว่างคิ้ว ปลายนิ้วแนบส่วนบนของหน้าผาก



ระดับที่ 2 การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโสค่ะ ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผู้ที่เราเคารพนับถือ โดยประนมมือ แล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะลง ให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก ปลายนิ้วแนบระหว่างคิ้ว



และระดับสุดท้ายคือการไหว้บุคคลทั่ว ๆ ไป ที่เคารพนับถือหรือผู้มีอาวุโสสูงกว่าเล็กน้อย โดยประนมมือแล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มือจรดปลายคาง ปลายนิ้วแนบปลายจมูก

เราได้รู้วิธีการไหว้ที่ถูกต้องไปแล้วนะค่ะ อย่าลืมนำไปใช้ไหว้กันอย่างถูกต้องเพื่อวัฒนธรรมการไหว้ของเรานั้นจะได้ไม่เลือนหายไปไหนค่ะ และวันนี้เราก็ไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์ คุณสมบัติ ภาคญาติ (แม่า) ครูสอนมารยาทไทยผู้ชำนาญเรื่องของการไหว้ค่ะ และดิฉันก็ได้สัมภาษณ์ในหัวข้อ 2 หัวข้อค่ะ 

1 สมัยก่อนกับปัจจุบันวัฒนาธรรมการไหว้ไทยของเราแตกต่างกันอย่างไร
คุณแม่ตา : ถ้าจะพูดถึงสมัยก่อนย้อนไปสมัยตอนยังเด็ก เวลาเจอกันทักทายกันส่วนมากตายายก็จะสอนไว้ต้องสวัสดีกัน เพื่อเป็นมารยาทที่อ่อนน้อม นุ่มนวล น้องเจอพี่ก็ต้องสวัสดีก็ต้องไหว้กันซึ่งมันเป็นมารยาทสมัยโบราณเราแล้ว แต่สมัยนี้ เด็กสมัยนี้ เทคโนโลยีเข้ามาเยอะย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง เด็กส่วนมากที่แม่เห็นเวลาเจอกัน ทักทายกันจะยกมือ เห้ย ไฮ (แบบของตะวันตก) ที่เป็นคนพูดฟังแล้วไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่แต่วัยรุ่นเค้าก็ทักกันมีความสุขกันดี จึงเป็นข้อแตกต่างระหว่างสมัยก่อนและปัจจุบันค่ะ



2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากวัฒนธรรมการไหว้ของไทยนั้นหายไป
แม่ตา : ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ  น่าเสียดายมากเลย สิ่งแรกเลย คือการนอบน้อม การถ่อมตนซึ่งเป็นวัฒนธรรมของไทยจะไม่มีเลย และการเคารพกัน ก็คือการไหว้ เจอกันทักทายกัน ตั้งแต่โบราญแล้ว ถ้าหากสิ่งนี้หายไป จะทำให้เด็กไทยแข็งกระด่าง ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และรวมทั้งการสืบสานวัฒนธรรมแต่โบราญก็จะหดหายไป ฉะนั้น หนูเป็นคุณครูยุคใหม่นะคะ หนูควรจะสอน นั้นคือสิ่งที่คุณแม่จะฝาก หนูสอนนะลูก สอนเด็กตั้งแต่เล็กๆ ให้รู้จักการไหว้ รู้จักวัฒนธรรม ให้ไหว้ให้สวย อะไรๆ เราก็ไหว้ไว้ก่อนมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด



และนี่เป็นคลิปสุดท้ายที่คุณแม่ตาอยากจะฝากไว้กับคนรุ่นใหม่

แม่ตา : จะขอฝากวัฒนธรรมไทยและการไหว้และสิ่งดีๆงามๆที่คนไทยมีไว้ฝากไว้ให้เด็กรุ่นใหม่นี่นะคะ คุณครูรุ่นใหม่นี่นะคะหนูจำไว้เลยหนูช่วยสอนให้คุณแม่หน่อย ช่วยสืบสานวัฒนธรรมไทยให้คุณแม่หน่อยเพราะว่าวัฒนธรรมนี่หนูจำไว้เลยนะเป็นสิ่งดีนะคะ เรามีกันมาตั้งแต่โบราณ บรรพบุรุษของเราก็กราบก็ไหว้กันมาตลอดสิ่งดีๆ ประเทศไทยเราทั่วโลกเค้านิยมชมชอบมากเลยลูก สิ่งแรกที่คนต่างชาติมาเมืองไทยเค้าจะต้องเห็นลำดับแรกเลยและเค้าจะต้องชื่นชมยินดีคือการไหว้ทักทายเรา เค้ามาเมืองไทยเรา เราก็ไหว้เค้า สวัสดีเค้านะค่ะ


ดังนั้น มารยาทในการไหว้ เป็นวัฒนธรรมไทยที่คนรุ่นใหม่อาจจะมองข้ามไปด้วยเหตุผลหลายประการ แต่โดยสำนึกของความเป็นคนไทยแล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคไหนๆ เทคโนโลยีหรือกระแส ตะวันตกเข้ามาแค่ไหน วัยรุ่นไทย เราคนไทยเป็นกำลังสำคัญที่จะสืบสานการไหว้และรู้วิธีการไหว้อย่างถูกต้อง เราอย่าให้วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของเราหายไป ให้วัฒนธรรมอยู่คู่เราไปตลอดไปค่ะ






อ้างอิงข้อมูลจากการสัมภาษณ์
สมบัติ ภาคญาติ . เกษียณราชการ (ครูสอนมารยาทไทย) โรงเรียนเจริญผลวิทยา . 28/63 ตำบลลาดสวาย ปทุมธานี  12150 . สัมภาษณ์ . 5 กรกฎาคม 2560 .






Creative Commons License
วัยรุ่นไทย กับมารยาทการไหว้ในยุค 4.0 โดย นางสาวอภิสมา บุญพา อนุญาตให้ใช้ได้ตามCreative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น